…..Cross Road…. - …..Cross Road…. นิยาย …..Cross Road…. : Dek-D.com - Writer

    …..Cross Road….

    เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้รับเลือกไปจัดทำเป็นหนังสั้น 7 นาทีเพื่อเข้าประกวดในมหกรรมหนังสั้น ชนะเลิศระดับเหรียญทอง ด้วยคะแนน 90.5

    ผู้เข้าชมรวม

    84

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    84

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ธ.ค. 58 / 22:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีค่ะ มาอีกแล้วค่ะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เขียนเสร็จนานแล้วแต่ว่าต้องเข้าประกวดระดับภาคจึงไม่ได้นำลงเว็บให้ได้อ่านกัน มีหลายคนที่ติดตามคราวนี้เรียร้อยแล้วค่ะ 

    …..Cross Road….

                                                                                  โดย พรรษรัตน์ พรมมินทร์

                       ผมเป็นครูบ้านนอกที่บรรจุข้าราชการได้ไม่นาน แต่มีอุดมการณ์ที่แก่กล้าและความตั้งใจจริงในวิชาชีพของตนเองยิ่งนัก ณ โรงเรียนของผมนั้นเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่เลยทีเดียว ดังนั้นครูหลายๆ ท่านมักที่จะสร้างรายได้ด้วยการสอนพิเศษช่วงเย็นบ้าง เสาร์ – อาทิตย์บ้าง      ดูเป็นธุรกิจทางการศึกษายังไงยังงั้นเลยทีเดียว ตัวผมเองมาจากครอบครัวที่ยากจนไม่ค่อยมีฐานะสักเท่าไร พ่อสอนเสมอว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ผมจำมันขึ้นใจ  เมื่อวันหนึ่งต้องมาเป็นครู ผมจึงตั้งใจที่จะทำตามอุดมการณ์ของผมอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว ผมมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนหนึ่งครับ เพื่อนผมชื่อ “ทองมา” เป็นลูกคนมีฐานะแต่ศรัทธาในความเป็นครูที่เราเรียนมาด้วยกันแต่คนละเอกวิชา บรรจุพร้อมกันแถมยังได้โรงเรียนเดียวกันด้วย นิสัยผมกับทองมาต่างกันมากครับ ทองมาจะออกแนวคุณหนู เกือบลืมไป ขอแนะนำตัวนิดหนึ่งครับ ผมชื่อ “บุญมี” มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน ไม่ร่ำรวยมากมายแต่อย่างใด “เฮ้ย!! บุญมีนั่งฝันกลางวัน หรือว่าทำ MV ว่ะ” ทองมาตะโกนแซวตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวผมเลย “ไอ้บ้า เรากำลังคิดว่าจะสอนยังไงให้เด็กเข้าใจภาษาไทยมากขึ้น ว่าไงมีไร” ทองมายิ้มขำ ก่อนจะพูดว่า “เราจะชวนนาย มาร่วมโครงการพันแปดร้อยล้านกับเราหน่อย สนมั้ย” ผมทำหน้าสงสัย “โครงการอะไรของแกว่ะ ทองมา พูดเป็นเล่นไปเรื่อย” ทองมาหัวเราะเบาๆ “ไม่เล่นนะ เราเอาจริง เราจะเปิดสอนพิเศษช่วงเย็น เราเลยจะติดต่อนายไปช่วยสอน นี่เราก็ติดต่อหลายคนล่ะ” ผมมองหน้าทองมานิ่งๆ ไม่ตอบแต่อย่างใด “อ้าว ว่าไงตกลงมั้ย หารายได้พิเศษนะ สนมั้ยบุญมี” ผมส่ายหน้า “ไม่อ่ะ เราสอนพิเศษไม่เป็น อีกอย่างเราต้องเตรียมการสอน” ทองมา ถอนใจเฮือกใหญ่ “อืม..ตามใจนายละกัน คิดดูดีๆ นะ นายแทบจะไม่ต้องลงทุนเลย ค่าห้อง ค่าอุปกรณ์ นายแค่ไปสอนให้เราอย่างเดียวเอง” ผมส่ายหน้าอีกรอบ “ขอบใจว่ะ ทองมาแต่เราไม่ว่างจริงๆ งานพิเศษก็ล้นมือ ไหนจะเตรียมงานสอน ไหนจะวิจัย แค่นี้เราก็เหนื่อยแล้วว่ะ ขอบใจนะที่มาชวน” ทองมาตบไหล่ผมเบาๆ “เออ..ตามใจนายก็แล้วกัน เราไปก่อนนะ แต่ถ้านายสนใจเมื่อไรก็บอกเรานะ เรายินดีเสมอนายสอนเก่ง” ทองมาทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินไป ที่ผมไม่รับสอนพิเศษเพราะผมคิดว่า ทำไมคนเป็นครูไม่สอนทีเดียวให้จบในห้องจะเก็บไปสอนพิเศษต่อทำไม ทำไมต้องให้เด็กต้องมาเสียเงินเรียนตอนเย็น เด็กๆ จะได้มีเวลาอ่านหนังสือ ทำการบ้านให้เรียบร้อยแต่ต้องมาอัดๆ กับการเรียนในช่วงเย็นๆ แถมยังเป็นภาระให้ผู้ปกครองที่ต้องลำบาก หาเงินมาให้ลูกไปเรียนอีก นับวันการศึกษาไทยก็ยิ่งเป็นธุรกิจเข้าไปทุกที ใครจะคิดอย่างไรผมเองไม่รู้แต่สำหรับผมมัน คือ ธุรกิจดีๆ นี่เอง ผมขอเรียกมันว่า “ธุรกิจทางการศึกษา” ก็คงไม่น่าเกลียดใช่มั้ยครับ

                       อีกวันผมได้เจอกับเพื่อนครูอีกคนเขาทักทายกับผมตามปกติ “ไง บุญมี ได้ข่าวว่าทองมาจะเปิดสอนพิเศษ บุญมีร่วมหุ้นด้วยรึเปล่า” ผมจึงตอบไปว่า “เปล่านะ ทองมาก็มาติดต่อแต่เราไม่ว่าง เจนไปช่วยทองมาสอนรึเปล่าล่ะ” เจนยิ้มจางๆ ก่อนตอบ “ไปซิ เราชอบสอนพิเศษ หารายได้พิเศษดีกว่าอยู่เฉยๆ หลังเลิกงาน” นั่น คือ ความต้องการขั้นพื้นฐานของคนเราใช่ไหมครับ ผมได้แต่ตอบเจนกลับไปว่า “ครับ” เจนยังคงพูดต่อ “บุญมี น่าจะมาสอนด้วยนะ เป็นทีมสนุกดีนะ ได้ตังค์ด้วยคุ้มจะตาย” ผมรู้สึกว่า การศึกษาไทยเริ่มที่จะเป็นธุรกิจทางการศึกษาไปเสียแล้ว คนเป็นครูทุกวันนี้ไม่ได้สอนด้วยอุดมการณ์กันแล้วหรือ สอนเพียงเพื่อรอรับเศษเงินจากผู้เสพ คือ นักเรียนใช่ไหม “อนิจจา การศึกษาไทยนับวันมีแต่จะถอยหลังลงคลอง” ผมรำพึงรำพันขึ้นเบาๆ “ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ บุญมี” ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ล่ะ เราขอสอนอย่างเต็มความสามารถในชั่วโมงสอนก็พอ” เจนยิ้มน้อยๆ “ถ้าสนใจเมื่อไร ก็มานะบุญมี ทองมาต้องดีใจแน่ๆ เลย” ผมอยากบอกกับเจนเหลือเกินว่า ผมไม่ต้องการรายได้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ผมต้องการแค่ทำการสอนให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดิน ที่ผมได้ถือกำเนิดเกิดมาก็เท่านั้นเอง

                       วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมได้เจอกับทองมาอีกครั้งระหว่างที่เดินมาหน้าห้องวิชาการ “ไง บุญมีถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไร ก็มาได้เลยนะ เราต้อนรับนายเสมอ” ผมยิ้มตอบ “ขอบใจนะที่เห็นความสำคัญของเรา เราไม่พร้อมว่ะ ทองมา” ทองมาหัวเราะเบาๆ “เอาน่า พ่อคนอุดมการณ์สูง แต่เราก็รอนายนะ นายสอนเก่งนักเรียนต้องติดนายแน่ๆ” ผมยิ้มรับ “นายก็สอนเก่งทองมา” เราสองคนหัวเราะพร้อมกัน ทองมาเป็นคนที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี พร้อมทุกอย่างจะหยิบจับอะไรก็มีแต่คนสนับสนุนดูรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ไปหมด ในส่วนนี้ผมก็ชื่นชมความพร้อมในด้านนี้ของทองมาแต่การสอนพิเศษที่เหมือนธุรกิจทางการศึกษาเนี่ยผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง “ทองมา เมื่อวานเราชวนบุญมีมาร่วมงานกับพวกเราด้วยนะ” ทองมายิ้มน้อยๆ “เราก็ชวนแล้ว แต่บุญมีเป็นคนที่มีอุดมการณ์สูง ยากหน่อยที่จะมาร่วมงานกับพวกเรา เอาเป็นว่าอีกสักพักค่อยชวนใหม่ละกัน บุญมีเป็นคนที่มีความสามารถมาก สอนเก่งเทคนิคเขาดีมาก เราชอบมากถ้าได้บุญมีมาร่วมงานนะ เด็กๆ ติดแน่ๆ” เจนพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ช่ายๆ เห็นด้วยบุญมีสอนดีมาก เด็กเข้าใจง่าย แต่อุดมการณ์เธอสูงไปนิ๊ดดดดดดดดด” เจนลากเสียงยาวล้อเลียนทองมา ทองมายิ้มขบขันในท่าทางของครูสาวขี้เล่นคนนี้ แต่ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีแต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้ดีและเพิ่มพูนศักยภาพของตนเองนั้นควรทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดูแลองค์กรดูแลเพื่อนร่วมงานการเจรจาก็มีส่วนในการที่จะทำให้งานนั้นสำเร็จและผ่านไปได้ด้วยดีเช่นกัน บุญมียังคงมีความสุขกับการสอนเด็กตามความสามารถของตนเอง และบางครั้งได้ออกแบบการสอนด้วยตนเองเพื่อให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของนักเรียน เพราะบุญมีคิดว่าเด็กแต่ละคนมีศักยภาพในการเรียนรู้ที่ดีได้แต่การรับรู้ของเด็กแต่ละคนอาจจะไม่เท่าเทียมกันเท่าที่ควรดังนั้น คนเป็นครูอย่างเราไม่ควรใช้เกณฑ์มาตรฐานในการเรียนรู้ในระดับเดียวกัน แต่ควรฝึกและสอนในการให้ความรู้ที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เกิดผลดีต่อเด็กที่เรียนกับคุณครูแต่ละท่าน “ทองมา เราขอทำหน้าที่ของคนเป็นครูให้ดีที่สุดก่อนนะ และเราคงจะยังไม่รับสอนพิเศษหรอก อีกอย่างเรามาจากครอบครัวที่ยากจน เราเลยไม่อยากที่จะสอนพิเศษแต่เราจะรับสอนเด็กที่มีปัญหาจริงๆ โดยที่ไม่ขอรับตังค์ด้วย” ทองมาอึ้งไปกับคำบอกเล่าของบุญมี “บุญมี ศรัทธาของนายแรงกล้าขนาดนี้ ก็ตามใจนายนะ ต่อไปนี้เราจะไม่รบเร้านายอีกต่อไปเอาเป็นว่า เราขอโทษที่เซ้าซี้กับนายแต่เราบอกได้เลยนะว่า เราหวังดีกับนายแต่เราก็เข้าใจนาย เข้าใจอุดมการณ์ของนาย” ทองมาเดินจากไปทันที ทองมารู้สึกผิดหวังที่บุญมีปฏิเสธความหวังดีของเขา แต่ส่วนหนึ่งทองมาก็เข้าใจว่าบุญมีก็มีอุดมการณ์ของเขา ทองมาเริ่มเปิดสอนอีกสองอาทิตย์ถัดมา มีการเปิดโรงเรียนอย่างอลังการตามศักยภาพของคนที่มีฐานะ บุญมีก็ไปร่วมงานกับเขาด้วยเช่นกัน ห้องเรียนของโรงเรียนสอนพิเศษน่าเรียนมากๆ ร่มรื่น มีโต๊ะน่ารักๆ วางเรียงราย บรรยากาศดีมากมีแอร์เย็นสบาย คุณครูติวมีเกือบครบทุกกลุ่มสาระวิชา ดูแล้วมีความพร้อมมากๆ เลย บุญมีรู้สึกยินดีกับเพื่อนด้วยแต่สำหรับตัวเขาเองขอสอนอย่างเดียวพอ

                       เวลาผ่านพ้นไปประมาณเดือนกว่าๆ บุญมีได้รับทราบข่าวมาว่าที่ โรงเรียนสอนพิเศษของทองมา มีปัญหาเกิดขึ้นคือ ครูที่ไปสอนนั้นได้นำเอาข้อสอบของตนเองไปสอนติวในชั่วโมงที่สอนพิเศษทำให้เด็กๆ ที่เรียนพิเศษได้คะแนนดีเยี่ยม “นี่ๆ แกดูดิข้อสอบที่ทำเมื่อตะกี้เหมือนที่ครูอะตอมติวให้เปี๊ยบเลยแก ฉันได้เต็มแน่ๆ” นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเดินออกมาจากห้องสอบ “ใช่ๆ แกฉันก็ทำได้ทุกข้อเลยอ่ะ เทอมนี้ฉันได้เกรด 4 แน่ เย้ๆ” แพรวาเป็นเด็กที่ค่อนข้างยากจนนิ่งฟังเพื่อนๆ สนทนากัน “ทำไมครูทำแบบนี้ค่ะ แล้วพวกที่ไม่มีโอกาสได้เรียนกับครูไม่มีสิทธิ์จะได้เกรด 4 หรือเกรดดีๆ ใช่มั้ยค่ะ” ทองมางุนงงกับคำถามของเด็กหญิงแพรวาผู้แสนจะเรียบร้อย “แพรวา หนูพูดอะไรครับ ครูไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย” แพรวาจ้องเขม็งที่ครูทองมา “ครูทราบมั้ยค่ะว่า โรงเรียนสอนพิเศษของครูเอาข้อสอบที่จะสอบไปติวในชั่วโมงสอนพิเศษ มันทำให้พวกที่มีโอกาสเรียนกะครู ได้เกรดที่ดีแล้วพวกนักเรียนแบบหนูละค่ะครู พวกหนูที่มีฐานะยากจนไม่มีเงินไปเรียนพิเศษที่ โรงเรียนสอนพิเศษกับครูไม่มีโอกาสที่จะได้เกรดดีๆ เลยใช่มั้ยค่ะ” เจอชุดใหญ่ขนาดนี้ทองมาอึ้งไปเลยทีเดียว ใครกันที่ทำแบบนี้ ชื่อเสียงของโรงเรียนสอนพิเศษทองมาแย่แน่ๆ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป “เธอพอจะรู้ไหม ใครเอาข้อสอบไปติวเด็ก รู้ไหมตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะเด็กมาโวยวายกับเราอ่ะ” ทองมารีบโทถามเจนทันที เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับโรงเรียนสอนพิเศษของเขา ถ้าเรื่องนี้ดังไปถึงผู้อำนวยการเห็นทีจะย่ำแย่แน่ ทองมารีบหาตัวครูผู้สอนคนนั้นทันที เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนั้นจะลุกลามใหญ่โตมากขึ้นไปกว่านี้ แล้วผลสรุปก็เจอครูอะตอมที่ติว “ครูอะตอม บอกผมหน่อยครับข้อมูลที่ผมได้รับมาจากนักเรียนว่ามันไม่จริง” ครูอะตอมก้มหน้านิ่งแทนคำตอบ “พี่ทองมา ผมขอโทษผมไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ผมคิดแค่ว่าต้องการให้เด็กๆ ได้คะแนนดีๆ ได้เกรดดีๆ ก็แค่นั้นเอง” ทองมาส่ายหัว อย่างเครียดๆ กับคำตอบ “แล้วชื่อเสียงโรงเรียนสอนพิเศษละครับ ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันเลย ครูทราบมั้ยว่าตอนนี้เด็กมาโวยวายเรื่องคะแนน เรื่องที่เด็กเรียนพิเศษ” ครูอะตอมยังคงก้มหน้านิ่งก่อนจะอ้อมแอ้มขึ้นว่า “เราก็ใช่โอกาสนี้จัดติวพิเศษนอกรอบซิครับพี่” ทองมารู้สึกแย่กับคำตอบนี้เป็นที่สุดแต่ว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแบบนี้เขาต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงนำเงินก้อนหนึ่งไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กหญิงแพรวาทันที งานนี้ทองมาเลือกใช้วิธีนี้เพื่อให้เรื่องมันเงียบ เพราะคนไทยกับเรื่องบุญคุณนั้นออกจะชัดเจน

                       เช้าวันใหม่ที่หน้าเสาธง บุญมีสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และเอาใจช่วยทองมาอย่างเป็นห่วง และแล้วพิธีกรหน้าเสาก็แจ้งกำหนดการต่างๆ ของเช้านี้พร้อมทั้งการมอบทุนการศึกษาเรียนดีแต่ยากจนในเช้านี้ด้วย นักเรียนหลายคนต่างลุ้นว่าจะมีใครบ้าง นักเรียนทุนจำนวน 15 คน และหนึ่งในนั้นก็มีเด็กหญิงแพรวา ด้วย แพรวารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะตอนนี้เธอมีปัญหาเรื่องค่าเทอมพอดี แต่เธอก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทุนนี้ได้มาอย่างไรจนอาจารย์ที่ปรึกษากระซิบที่ข้างหูตอนรับทุนว่า “ครูทองมามีน้ำใจ มอบทุนเรียนดีแต่ยกจนให้เธอนะจ๊ะ แพรวา” แพรวาหันขวับไปมองครูทองมาที่ยืนยิ้มให้เธอที่มุมเวที แพรวายิ้มตอบเป็นเชิงขอบคุณ “ไม่มีอะไรที่ ทองมาอย่างเราทำไม่ได้ซินะ” ทองมายิ้มน้อยๆ ให้กับตัวเอง บุญมีจับตาดูพฤติกรรมของทองมาอย่างเงียบๆ ลอบถอนใจเบาๆ เงินช่างมีอำนาจมากเลยซินะทองมา ไม่นานนักแพรวาก็เดินเข้ามาหาทองมา “ขอบคุณนะค่ะ ครู ที่ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้อย่างหนู แต่ความถูกต้องย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใดนะครู” ทองมายิ้มเจื่อน “ครูเข้าใจ ครูจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน” บุญมีสงสัยยิ่งนักแพรวาเข้าไปคุยอะไรกับครูทองมาดูท่าทางตึงเครียดยิ่งนัก “มีอะไรกันหรือ ทองมา ท่าทางเคร่งเครียดกันเชียว” ทองมา และแพรวาหันไปมองพร้อมกัน “ไม่มีอะไรหรอกบุญมี เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ” บุญมีพยักหน้ารับทราบ “ดีใจด้วยนะ แพรวา เก็บดีๆ นะ ครูเอาใจช่วยเสมอนะ” แพรวายิ้มบางๆ พนมมือไหว้อย่างสวยงาม “ขอบคุณค่ะ ครู หนูขอตัวก่อนนะค่ะ” เมื่อแพรวาเดินไปแล้วบุญมีหันมาเผชิญหน้ากับทองมามองหน้านิ่งๆ เป็นเชิงถาม “เอาล่ะๆ นายไม่ต้องถามเดี๋ยวเราอธิบายให้นายฟังเอง” แล้วทองมาก็เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดให้บุญมีฟังอย่างละเอียด บุญมีฟังแล้วพินิจพิเคราะห์ได้ว่า วิธีการแก้ปัญหาของทองมานั้นเป็นไปตามแบบฉบับของคนที่มีเงินใช้กัน คือ แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ “ทองมาเราขอออกความคิดเห็นหน่อยได้มั้ย” ทองมาหันมามองหน้าอย่างชั่งใจก่อนที่จะพยักหน้า “เรากับนายเป็นเพื่อนกันมานาน และเราก็รักและหวังดีกับนายมาตลอด ถึงบางครั้งเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับนายก็ตาม แต่เราก็ไม่เคยจะไม่ช่วยนายสักครั้ง” ทองมานิ่งสงบเหมือนจำนนต่อคำพูดนั้น “บุญมีนายพูดมาเลยดีกว่า นายจะบอกอะไรเราก็บอกมาเลย ไม่ต้องมาอ้อมค้อม เราขี้เกียจตีความ” บุญมีถอนใจเฮือกใหญ่ “เราไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาของนาย มันไม่ต่างอะไรกับการคอรัปชั่นเลยนะ ทองมา” ทองมาฉุนขาดตวาดกลับทันที “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่ต้องมาเผือกกับเรื่องของเรานะ บุญมีการตัดสินใจของเรามันถูกต้องที่สุดแล้ว และเราเองก็แก้ปัญหานี้ได้แล้ว เข้าใจนะ” บุญมีอ่อนใจกับความดื้อดึงของทองมา เรื่องมันไม่ใช่การแก้ด้วยเงินแต่มันต้องมองด้วยใจถึงจะแก้ได้ แต่ทองมาคุณครูที่โตมากับครอบครัวที่มั่งคั่งใช้เงินฟาดฟันกับปัญหาจนเคยชิน คิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่บุญมีกับมองว่าปัญหาบางอย่างแค่ใช้ใจมองให้ถึงปัญหาที่แท้จริงปัญหานั้นก็มีทางแก้ไขได้และที่สำคัญปัญหาเหล่านั้นอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดก็ได้

                       ปัญหาหลายๆ อย่างยังมีมาเรื่อยๆ และทองมาก็ใช้เงินเป็นตัวตัดสินและยุติปัญหาต่างๆ อยู่บ่อยๆ คราวนี้ก็เช่นกันครูเจนเพื่อนสนิทอีกคนได้นำเอากระดาษของโรงเรียนไปใช้งานส่วนตัวทั้งงานติวเตอร์ จนเพื่อนในที่ทำงานต่างระอากับพฤติกรรมนั้นแต่ครูเจนก็ไม่ยี่หระกับคำติฉินนินทานั้นสักนิด เพราะคิดว่ามีแบล็คที่ดีอย่างครูทองมาที่บ้านรวย พ่อก็เป็นใหญ่เป็นโตในละแวกนี้ แต่เมื่อคำครหาเหล่านั้นดังไปจนถึงหูของทองมา “เจน เราขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ ว่างใช่มั้ย” เจนพยักหน้า “มีไรรึ ทองมาหน้าตาไม่ค่อยดีเลย” ทองมาพยักหน้า “อืม..ก็เรานั่นแหละทำให้เราไม่สบายใจ” เจนทำหน้าเหรอหรา “นี่นายแอบชอบเราเหรอ ทองมา” ทองมาส่ายหน้าแบบจริงจัง “นอกเรื่องน่าเจน เราไม่ขำ เราได้ข่าวไม่ดีมา เจนเอาของโรงเรียนไปใช้ที่สอนพิเศษใช่มั้ย” เจนอึ้ง “เอิ่ม..คือ เรา” ทองมาหน้านิ่วใส่ “ของเราก็มีเอาของโรงเรียนไปใช้ทำไมมันคนละส่วนกันนะเจน” เจนอึ้งไม่คิดว่าทองมาจะซีเรียสขนาดนี้ “แต่ละคน หาเรื่องให้เราปวดหัวได้ไม่เว้นวันเลยนะ” เจนเกาะแขนทองมาทำหน้าน่าสงสาร “ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ เจน ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก เราไม่ชอบนะ เรื่องเล็กน้อยอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่” เจนหน้าม้านไปทันทีเมื่อเจอไม้นี้เข้าไป เมื่อเดินผละจากเจนมาก็เจอกับบุญมีที่กำลังเปลี่ยนชั่วโมงสอนอยู่ “ไงทองมา มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็บอกเราได้นะ เรายินดีช่วยนายเสมอ” ทองมายิ้มแห้งๆ “ขอบใจว่ะ บุญมีเราเชื่อว่าเราเอาอยู่” บุญมียิ้มสดใสให้ทองมา ทองมารู้สึกถึงความอบอุ่นความห่วงใยที่บุญมี มีให้แต่ทิฐิในใจความเชื่อมั่นในตนเองมีมากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ทองมาเข้าใจในสิ่งที่บุญมีพยายามบอกเสมอมาแต่ทองมาทะนงตัวเกินกว่าที่จะยอมรับมันได้ ทองมารับราชการมาไม่ถึงปีทำไมปัญหาถึงมีมากมายขนาดนี้ ทองมาคิดทบทวนปัญหาต่างๆ คิดถึงคำพูดเตือนของบุญมี เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ทองมากัดฟันทบทวนอย่างจริงจังเพื่อนที่ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเขาเลย คือ บุญมีมิหนำซ้ำยังคอยเตือนแต่ทองมาไม่เคยฟังเลยสักครั้ง แถมยังพูดจาไม่ดีใส่เสียหลายต่อหลายครั้ง แต่บุญมีก็ยังคอยให้กำลังใจเสมอไม่ว่าจะตบที่ไหล่เบาๆ รอยยิ้มที่แสนจะจริงใจไม่ใช่เข้ามาตีสนิทเพื่อหวังผลประโยชน์ อย่างที่คนอื่นๆ ทำกันนี่เราทะนงตัวเองเกินไปใช่ไหม?

                       “บุญมีๆ รอเราหน่อยดิ” ทองมาวิ่งตามมอร์เตอร์ไซด์คันเก่าของบุญมีที่ค่อยๆ ขับผ่านหน้าไป “ว่าไง นายมีไรกับเรารึ” ทองมายิ้มเจื่อนๆ “เอิ่ม...มันจะช้าไปมั้ย ถ้าเราจะขอโทษนายตอนนี้อ่ะ” บุญมียิ้มน้อยๆ “อะไรของนาย แหมๆ นี่นายกำลังง้อเราใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆๆ เราไม่เคยโกรธนายหรอก นายอย่าคิดมาก” ทองมายิ้มอย่างสบาย “จริงนะ นายไม่โกรธเราจริงนะ” บุญมีหัวเราะขำอีกรอบ “เออ ก็ไม่โกรธนะ ซิ” ทองมาเดินคุยกับบุญมีไปเรื่อยๆ บุญมีจูงรถเดินช้าๆ “ว่าแต่ว่า วันนี้คุณชายไม่ขับรถเก๋งคันโก้กลับบ้านหรือไง มาเดินตามเราต้อยๆ แบบนี้” ทองมายิ้มขำกับคำถามของเพื่อน “ไม่อ่ะ วันนี้อยากคุยกับนายบ้าง เราทะนงตัวมากเกินไปจนมองไม่เห็นความหวังดีของเพื่อน” บุญมียิ้มละมัยเพราะมองออกว่าทองมาเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เขาอยากบอกแม้ว่าในตอนแรกทองมาจะปฏิเสธและไม่ไว้วางใจ แต่ในวันนี้ขณะนี้ทองมาเข้าใจและเข้าถึงอุดมการณ์ของคนเป็นครู “ทองมา ครูมาจากคำว่า ครุ ครุที่แปลว่า หนัก เพราะฉะนั้นหน้าที่ของครูถึงแม้จะหนัก แต่เราก็ต้องหนักแน่นเสมอนะ แล้วเปลวเทียนแห่งความศรัทธาจะสว่างโชน” ทองหัวเราะ หึ หึ ในลำคอ “เออ ได้ทีสั่งสอนเราทันทีเลยนะ เออ เราเข้าใจขอบใจนะ ที่คอยชี้ทางสว่างให้เรา ขอบใจจริงๆ ว่ะ เพื่อน วันนี้เราสบายใจมากๆ เลยที่ได้คุยกับนาย” บุญมีมองหน้าทองมา “เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ ทองมา เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ” ทองมาตบไหล่บุญมีเบาๆ “ฉันละเบื่อครูภาษาไทยจริงๆ เลย ฮ่าๆๆๆ คารมคมหอกมีมาตลอด ทีหลังพูดตรงๆ ได้มั้ยเอาแบบไม่ต้องถอดคำประพันธ์ได้มั้ยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” บุญมีหัวเราะตามที่เพื่อนคนนี้ เข้าใจอะไรง่ายๆ ได้สักที “เออ แต่ถ้าจะให้เราไปถอดสแควรูสคณิตแบบนายเราก็ไม่ไหวนะ สอบตกตั้งแต่เห็นโจทย์แหละ” สองคนหัวเราะพร้อมกันทันที ท้องฟ้าวันนี้ช่างสดใสยิ่งนักมิตรภาพของความเป็นเพื่อนยังคงเดิมที่เพิ่มเติม คือ ศรัทธาอันแรงกล้าของความเป็นครูที่รุ่งโรจน์ “เราปิดโรงเรียนสอนพิเศษดีมั้ยว่ะ” ทองมาของความคิดเห็นบุญมี “อย่าเลย คนอื่นเขาจะเสียความรู้สึกเอา” บุญมีออกความคิดเห็น “งั้นเราต้องทำไงดีว่ะ แม่งเรื่องเยอะ” บุญมียิ้มขำ “นี่นายหัวเราะเยาะเราไง” บุญมีรีบปฏิเสธ “เปล่าๆ เราขำเฉย ไม่ต้องปิดหรอก นายก็แค่เรียกครูๆ มาประชุมคุยกันดิ ตั้งข้อตกลงอ่ะ ทำได้มั้ยล่ะ จิ๊บๆ น่าไม่ต้องใช้ตังค์ด้วยนะแก ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป๊ะ เชื่อเราดิ” ทองมานิ่วหน้าคิดตาม “เออ จริงว่ะ ขอบใจนายมากนะบุญมี มีแกเป็นเพื่อนคนเดียว มันช่างเบ็ดเสร็จจริงๆ ว่ะ ถ้านายเป็นผู้หญิงเราของนายแต่งงานแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ” บุญมีส่ายหัวขำทองมา พอใกล้ๆ ถึงประตูโรงเรียนทั้งสองก็ชะงักเพราะแพรวาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ “คุณครูค่ะ หนูขออนุญาตคุยด้วยนิดหนึ่งได้มั้ยค่ะ” บุญมีกับทองมองหน้ากัน แล้วพยักหน้า “ได้ซิว่าไงล่ะ แพรวา” ทองมาพูดขึ้น “หวังว่า เธอจะไม่คืนทุนของครูนะ” คราวนี้แพรวายิ้ม “เปล่าค่ะ ครู หนูแค่จะบอกว่าหนูขอโทษที่พูดกับครูไม่ดีวันนั้น และขอบคุณครูที่แก้ไขพฤติกรรมของครูที่เอาข้อสอบไปติว นับว่าครูมีความยุติธรรม หนูขอโทษนะค่ะ” บุญมียิ้มให้กับทองมา “อ้อ ไม่เป็นไรครูเองก็ไม่สบายใจนะ และดีใจที่เธอเข้าใจครู” ทองมาตอบออกไป และเข้าใจแล้วว่าเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่องเพียงแค่เปิดใจใช้ใจแก้ปัญหาก็คลี่คลายได้เช่นกัน “งั้นหนูไปก่อนนะค่ะ สวัสดีค่ะ ครูทองมา ครูบุญมี” เฮ้อ!!! “เฮ้อ!!” ทองมาและบุญมีถอนใจพร้อมๆ กัน แล้วหันมาหัวเราะพร้อมกัน

                       แม้การเป็นครูจะไม่ได้ราบรื่นมากนักแต่บุญมีก็มีความเชื่อว่า คนเป็นครูไม่น้อยเลยที่มีอุดมการณ์เหมือนเขา ไม่ได้มีอาชีพเอาไว้บังหน้าแล้วใช้วิชาความรู้ที่มีค้ากำไรจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ลูกศิษย์  ถึงแม้บุญมีจะไม่ชอบการรับสอนพิเศษ แต่บุญมีก็เข้าใจความคิดของแต่ละคนที่มีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ถึงจะอย่างไรบุญมีก็จะยึดหลักการของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะเด็กในวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า คนเป็นครูก็เปรียบเหมือนกับจิตรกรชั้นยอดที่จะแต่งแต้มระบายสีสันไปบนผ้าขาวให้งดงามล้ำค่าอย่างไรก็สุดแต่ใจจะปรารถนา ถ้าหากครูมีอุดมการณ์ที่ดีศิษย์ย่อมได้รับการปลูกฝังที่ดีไป แต่อย่าลืมว่าการที่จะสอนให้เด็กเป็นคนดีนั้น คนเป็นครูไม่ควรที่จะลืมสอน คุณธรรม จริยธรรมให้เขาไปด้วย เขาจะได้เป็นทั้งคนดีและคนเก่งในคราวเดียวกัน มิใช่เก่งเพียงอย่างเดียวแต่ไร้ซึ่งสามัญสำนึกของความดี หากสอนเด็กได้ดังนี้ ต้องเพิ่มความพอเพียงกับการใช้ชีวิตเข้าไปด้วยเพื่อเป็นพื้นฐานของความพอดี!!!!!!!

                      

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×